MISTAKE

Harry Potter and the Philosopher's (Sorceror's) Stone
(แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์)


ในตอนแรกๆของเล่ม แฮร์รี่ซื้อหนังสือสมุนไพรและเห็ดราวิเศษพันชนิด แต่ในบทที่ 14 บอกว่าแฮร์รี่ค้นเรื่องสมุนไพรดิตทานี ในตำราสมุนไพรและเห็ดราวิเศษหนึ่งร้อยชนิด
(หมายเหตุ : ในหนังสือหลายเวอร์ชั่นรวมทั้งของไทย จะไม่ผิดในจุดนี้ แต่บางเวอร์ชั่นอย่างเช่น เวอร์ชั่น Adult UK (ปกรูปรถไฟ) ตรงส่วนนี้จะผิดจริงๆครับ)


ในจดหมายของแฮร์รี่จากฮอกวอตส์ บอกว่านักเรียนนำนกฮูก แมว หรือคางคกมาด้วย 1 ตัว แต่รอนกลับเอาหนูสแคบเบอร์ไป


ในตอนท้าย ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์บอกแฮร์รี่ว่า นิโคลัส แฟลมเมลทำลายศิลาอาถรรพ์ไป และมียาชุบชีวิตเก็บไว้มากพอที่จะจัดการเรื่องต่างๆให้เรียบร้อย หลังจากนั้นเขาก็จะตาย แต่ในตอนต้นของหนังสือ จากการ์ดในกบช็อกโกแล็ตกล่าวไว้ว่ายาชุบชีวิตจะทำให้คนที่ดื่มมีชีวิตอมตะ ดังนั้นถ้าแฟลมเมลดื่มยานี้ เขาก็จะไม่มีวันตาย


ในตอนต้นๆ เพ็ตทูเนีย เดอร์สลีย์ บอกว่าเวลาที่ลิลี่กลับมาบ้านในช่วงปิดเทอม กระเป๋าเต็มไปด้วยไข่กบ และเที่ยวสาปถ้วยชาให้เป็นหนู แต่ตามกฎของโลกเวทมนตร์ การกระทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่ผิด เพราะถ้าลิลี่ใช้เวทมนตร์ในบ้านของมักเกิ้ล เธอก็น่าจะถูกไล่ออกไปแล้วอย่างที่แฮร์รี่ก็เกือบโดน
(หมายเหตุ : คุณ Firebolt แย้งมาว่า เธออาจจะพูดเพราะความโกรธมากกว่า ก็เธอไม่ชอบน้องสาวนี่)


เมื่อตอนที่แฮกริดพาแฮร์รี่ไปยังตรอกไดแอกอนครั้งแรก แฮร์รี่ได้ยินผู้หญิงคนหนึ่งพูดว่า "ตับมังกรออนซ์ละสิบเจ็ดซิกเกิ้ล จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว" ต่อมาแฮกริดบอกแฮร์รี่ว่า 17 ซิกเกิ้ลเป็น 1 เกลเลียน ดังนั้นผู้หญิงคนนั้นก็น่าจะพูดว่า 1 เกลเลียนแทน มันก็เหมือนเราพูด 100 สตางค์ แทนที่เป็น 1 บาท


ในบทที่เจ็ด"หมวกคัดสรร" หลังจากที่แฮร์รี่ได้รับการคัดสรรแล้ว หนังสือกล่าวว่ามีนักเรียนเหลือให้คัดสรรอีกสามคน แต่ถ้าดูชื่อที่ตามมาก็จะเห็นว่ามีสี่คน ก็คือ ดีน โธมัส, ลิซ่า เทอร์พิน, รอน วีสลีย์ และ เบลส ซาบินี


การผ่านด่านไปยังศิลาอาถรรพ์ ในด่านหมากรุก รอนให้ตัวเขาเล่นเป็นม้า แต่ต่อมาเขากลับบอกว่าเขาจะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวให้ควีนกิน ซึ่งจะทำให้แฮร์รี่ได้รุกฆาต แต่จริงๆแล้วการเดินตัวม้า จะต้องเดินไปข้างหน้า 2 ช่องกับด้านข้างอีก 1 ช่อง หรือไม่ก็เดินไปข้างหน้า 1 ช่องกับด้านข้าง 2 ช่อง อย่างใดอย่างหนึ่งในการเดินแต่ละครั้ง ไม่มีการเดินไปเพียงช่องเดียว


ในรายชื่อสิ่งของที่ต้องนักเรียนฮอกวอตส์ต้องซื้อ มีเขียนว่าต้องซื้อไม้กายสิทธิ์ 2 ครั้ง
(หมายเหตุ : เป็นการพิมพ์ผิด ซึ่งจะพบได้ในหนังสือที่พิมพ์ในครั้งนั้นครั้งเดียวครับ)


ในฉบับภาษาไทย หน้าแรกของบทที่สิบหก (ผ่านประตูกล) เขียนว่า "ในอีกหลายปีต่อมาแฮร์รี่จำไม่ได้ทีเดียวนักว่าเขาสามารถผ่านการสอบไล่มาได้อย่างไร" ซึ่งไม่น่าใช่ที่ว่าในอีกหลายปีต่อมา
(หมายเหตุ : จับผิดโดยคุณปภพ เหมือนเผ่าพงษ์ และคุณ Songyod Mayurasakorn)

ตอนที่แฮร์รี่แข่งควิดดิช ครั้งแรกน่ะ ในหน้า 227 เขียนว่า "ไม้กวาดสิบห้าด้ามลอยสูง สูงขึ้นไปในอากาศ" แต่ที่จริงควิดดิชมีผู้เล่นแค่ 14 คนเอง ฉะนั้นมีใครอีกคนลอยไปด้วยเหรอ แต่ครั้งต่อๆมาก็เขียน 14 ด้ามนะ
(หมายเหตุ : จับผิดโดยคุณ Maze)
(หมายเหตุ : คุณ sirikamon แย้งมาว่า ผู้เล่นควิดดิชทีมละ 7 คน 2 ทีม เป็น 14 คน รวมกรรมการด้วยซิค่ะเป็น 15 คน ก็ถูกแล้ว ไม่งั้นจะมีใครตัดสินกันหละค่ะ)

Harry Potter and the Chamber of Secrets
(แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ)


ในตอนที่แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ จะพบคุณนายนอร์ริสถูกสาปให้เป็นหิน หนังสือกล่าวว่าทั้งสามวิ่งขึ้นบันได และพบคุณนายนอร์ริสอยู่ข้างๆห้องน้ำของเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ แต่ก่อนหน้านั้น เฮอร์ไมโอนี่เคยบอกไว้ว่าห้องน้ำของเมอร์เทิลอยู่ชั้นหนึ่ง (first floor)
(หมายเหตุ : แต่มีข้อโต้แย้งว่า ในประเทศอังกฤษชั้นล่างสุดจะเรียก ground floor ถัดขึ้นมาอีกชั้นจึงจะเป็นชั้นหนึ่ง (first floor) ส่วนในอเมริกา ชั้นล่างสุดจะเรียกเป็นชั้นที่หนึ่งเลย)


เนื่องจากวันเกิดของแฮร์รี่คือวันที่ 31 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่มีการปล้นธนาคารกริงกอตส์ (ในเล่มแรก) ส่วนในเล่มนี้เราก็ได้รู้ว่านิกหัวเกือบขาดจัดงานครบรอบ 500 ปี ในวันที่ 31 ตุลาคม 1992 ทำให้เรารู้ว่าวันเกิดครบรอบ 11 ปีของแฮร์รี่คือ วันที่ 31 ก.ค. 1991 ซึ่งเป็นวันอังคาร หลังจากวันจันทร์ที่มีรายการโปรดของดัดลีย์ แต่ในความเป็นจริง เมื่อดูปฏิทินจะเห็นได้ว่า วันที่ 31 ก.ค. 1991 นั้นเป็นวันพุธ ไม่ใช่วันอังคารตามในหนังสือ


ในตอนท้าย ดัมเบิลดอร์บอกแฮร์รี่ว่า ลอร์ดโวลเดอมอร์เป็นเทือกเถาเหล่ากอ (ancestor) คนสุดท้ายของซัลลาซาร์ สลิธีริน แต่ที่จริงต้องบอกว่าเป็นทายาท (descendant) คนสุดท้ายถึงจะถูก


ในหนังสือกล่าวว่า ถ้าใครมองตาของบาสิลิสก์จะต้องตาย แต่คอลิน ครีฟวีย์มองเห็นผ่านเลนส์กล้องถ่ายรูปจึงไม่ตายแต่ถูกสาปให้เป็นหินแทน ดังนั้นเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญที่ใส่แว่น ก็ไม่น่าจะตายถ้ามองเห็นตาของบาสิลิสก์ผ่านแว่น น่าจะเพียงแค่ถูกสาปให้เป็นหินเหมือนกับคอลิน
(หมายเหตุ : มีคนแย้งว่าแว่นที่เธอใส่นั้น เลนส์อาจทำมาจากพลาสติกก็ได้ บางทีการมองผ่านพลาสติกอาจมีผลต่างไปจากการมองผ่านเลนส์กระจกของกล้องถ่ายรูป)


ในเมื่อแฮกริดอยู่ในเหตุการณ์ช่วงที่ห้องแห่งความลับเคยถูกเปิดขึ้นเมื่อ 50 ปีก่อน ซึ่งตอนนั้นแฮกริดก็เป็นนักเรียนอายุราว 13 ปี ดังนั้นก็แสดงว่าแฮกริดมีอายุประมาณ 63 ปี ย้อนกลับไปอีกครั้งใน 50 ปีก่อน ในตอนนั้นดัมเบิลดอร์ซึ่งเป็นอาจารย์หนุ่ม น่าจะมีอายุราว 23 ปี ดังนั้นก็แสดงว่าตอนนี้ดัมเบิลดอร์อายุประมาณ 73 ปี อายุต่างกันแค่ 10 ปี แฮกริดยังแข็งแรง ผมก็ยังสีดำ แต่ดัมเบิลดอร์นั้นกลับแตกต่างกันมาก


ในตอนที่ ทอม ริดเดิ้ล บอกแฮร์รี่ว่าพวกเขาทั้งสองมีอะไรที่เหมือนกันอยู่หลายต่อหลายอย่าง รวมไปถึงการที่ทั้งคู่เป็นลูกครึ่งเหมือนกัน แต่จริงๆแล้วทั้งเจมส์ และลิลี่ พอตเตอร์ ต่างก็เป็นพ่อมด แม่มดทั้งคู่ ดังนั้นก็น่าจะทำให้แฮร์รี่เป็นพวกเลือดบริสุทธิ์มากกว่า
(หมายเหตุ : อีกหลายคนแย้งว่าอาจเป็นเพราะลิลี่เกิดจากพวกมักเกิ้ลก็เป็นได้)


ในตอนที่ 15 อาราก็อก หน้า 323 ด้านล่าง ตอนนั้นแฮร์รี่กำลังเรียนสมุนไพรศาสตร์อยู่ ซึ่งมีศาสตราจารย์สเปราต์เป็นผู้สอน แต่ด้านล่างเขียนไว้ว่า เมื่อหมดชั่วโมง ศาสตราจารย์สเนปคุมนักเรียนไปเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ซึ่งความจริงน่าจะเป็นศาสตราจารย์สเปราต์มากกว่า
(หมายเหตุ : จับผิดโดยคุณ Prit)

Harry Potter and the Prisoner of Azkaban
(แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน)


ในการแข่งขันควิดดิชนัดชิงแชมป์ มาดามฮูชให้ลูกโทษกับกริฟฟินดอร์เนื่องจากการทำฟาวล์ของมอนทาคิวผู้เล่นของสลิธีริน ในหนังสือเขียนว่าแคตี้ยิงลูกโทษผ่าน "ซีกเกอร์" ของสลิธีรินเข้าไป ซึ่งจริงๆแล้วน่าจะเป็น "คีปเปอร์" มากกว่า
(หมายเหตุ : อาจจะถูกก็ได้ แต่ใน UK เวอร์ชั่น รวมไปถึงของไทยด้วยนั้น บอกว่าเป็นคีปเปอร์)


ในเล่มหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า มาร์คัส ฟลินต์ เป็นนักเรียนปีหก นั่นก็หมายความว่าในเล่มสองเขาต้องอยู่ปีเจ็ดซึ่งเป็นปีสุดท้าย แต่ทำไมเขาจึงยังเป็นนักเรียนอยู่อีกในเล่มสาม
(หมายเหตุ : ในการสัมภาษณ์ online เมื่อไม่นานมานี้ JK ก็ถูกถามคำถามนี้ เธอตอบว่า "เขาต้องเรียนซ้ำชั้นหนึ่งปี")


ในบทที่สาม ก่อนขึ้นรถเมล์อัศวินราตรี สแตนบอกราคาที่จะไปลอนดอนกับแฮร์รี่ เขาบอกว่า 11 ซิกเกิ้ล แต่ในหนังสือเขียนว่า แฮร์รี่ยัดเหรียญทองใส่มือสแตน แต่จริงๆแล้ว ซิกเกิ้ลเป็นเหรียญเงินไม่ใช่ทอง
(หมายเหตุ : จุดผิดพลาดนี้มีแต่ใน US เวอร์ชั่นเท่านั้น ของ UK เวอร์ชั่นและของไทยเขียนเป็นเหรียญเงิน)


เห็นได้ชัดเลยว่าจำนวนวันในแต่ละเดือนของโลกเวทมนตร์นั้นแตกต่างจากโลกของพวกเรา ก็เดือนสิงหาคมของโลกเวทมนตร์มีระยะเวลาแค่ 3 สัปดาห์เท่านั้น ในตอนต้นป้ามาร์จเริ่มมาพักกับพวกเดอร์สลีย์ในวันเกิดของแฮร์รี่คือ 31 ก.ค. สัปดาห์ต่อมาแฮร์รี่ก็เสกเธอจนตัวพองและหนีไปพักอยู่ที่ร้านหม้อใหญ่รั่วเป็นเวลาอีก 2 สัปดาห์ แล้วจึงไปขึ้นรถไฟที่สถานีคิงส์ครอสในวันที่ 1 กันยายน ซึ่งนั่นก็แปลว่าเดือนสิงหาคมมีแค่สามสัปดาห์เท่านั้น


ในเล่มหนึ่ง แฮร์รี่นำไม้กวาดของเขาไปเก็บที่โรงเก็บไม้กวาดก่อนที่เขาจะเห็นสเนปเข้าไปในป่า แต่ในเล่มสาม กลายเป็นว่าแฮร์รี่เก็บไม้กวาดของเขาไว้ในหอนอน ก็ในเมื่อถ้ามีโรงเก็บไม้กวาด ทำไมเขาถึงไม่เอาไฟร์โบลต์ไปเก็บไว้ที่นั่น
(หมายเหตุ : อาจจะถูกก็ได้ แต่ก็มีบางคนแย้งว่า เนื่องจากแฮร์รี่ไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับไม้กวาดไฟร์โบลต์ที่มีค่าของเขา เขาจึงไม่เอาไปเก็บไว้ในโรงเก็บไม้กวาด)


ในหน้า 274 บอกว่าห้องโถงใหญ่มีโต๊ะจัดไว้ 12 ที่ แต่ลองนับดูแล้ว จะไม่มีศาสตราจารย์บินส์ (ถึงแม้เป็นผีก็น่าจะมาฉลองกัน), มาดามพอมฟรีย์, มาดามฮูช, อาจารย์สอนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์, อาจารย์วิชามักเกิ้ลศึกษา และน่าจะมีอีกหลายวิชาที่ยังไม่ได้เรียนในตอนนี้ด้วย ไม่ได้มากันหมดเลยหรือ
(หมายเหตุ : จับผิดโดยคุณ Maze)


เป็นเรื่องการหมุนเวลากลับไปของเฮอร์ไมโอนี่กับแฮรี่ เค้าสองคนหมุนเวลากลับไป และเจอตัวเองกับรอนกำลังเดินออกจากปราสาท จึงเข้าไปหลบในตู้ ตอนนี้ล่ะครับที่ลูปินเห็นคนทั้งสามเดินออกจากปราสาทในแผนที่ตัวกวน แต่ทำไมลูปินไม่เห็นเฮอร์ไมโอนี่กับแฮรี่ที่หลบอยู่ในตู้ด้วยล่ะ แผนที่ตัวกวนไม่โกหกไม่ใช่เหรอ
(หมายเหตุ : จับผิดโดยคุณ โป้ง)


เรื่องอุโมงค์ไปทางลับที่ใต้ต้นวิลโลจอมหวดครับ จริง ๆ มันไม่ได้เป็นทางลับเลย เพราะเมื่อหลายปีก่อนเคยใช้พาอาจารย์ลูปินไปซ่อนตัวที่เพิ่งโหยหวนในคืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งเรื่องนี้ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์และอาจารย์ลูปิน และอีกหลายคนก็รู้ .... แต่ในเล่มที่ 3 ซิริอัสได้ใช้เป็นหนทางเข้าสู่โรงเรียนได้ โดยไม่การคุ้มกันโดยผู้คุมวิญญาณเลย ผมว่า ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์น่าจะบอกให้คุ้มกันทางลับนี้ด้วย เพราะทุกคนก็รู้ว่าซิริอัส รู้จักเส้นทางนี้
(หมายเหตุ : จับผิดโดยคุณ โป้ง)

Harry Potter and the Goblet of Fire
(แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี)


ใน US เวอร์ชั่น บทที่ 1 สำนักพิมพ์ Scholastic เปลี่ยนคำว่า "สาป" (curse) ไปใช้คำว่า "ฆาตกรรม" (murder) แทน อาจจะเพื่อต้องการให้ดูเหมือนว่าโวลเดอมอร์ต้องการให้หางหนอน (Wormtail หรือ ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์) ฆ่า'แม้ด-อาย' มู้ดดี้ แทนที่จากเดิมเป็นเพียงการใช้ Imperius curse (คำสาปที่มีอำนาจควบคุมคนที่ถูกสาปได้) ใส่'แม้ด-อาย' มู้ดดี้ เพื่อให้ลูกชายของนายเคร้าช์ปลอมตัวไปเป็นแทนเขาที่ฮอกวอตส์เท่านั้นเอง ก็จริงๆแล้ว 'แม้ด-อาย' มู้ดดี้ ไม่ได้ตายซักหน่อย ใช้คำว่า "สาป" น่ะดีกว่า "ฆ่า" อยู่แล้ว
ในหน้าต่อๆมา ทาง Scholastic ก็เปลี่ยนอีก จากเดิมที่ว่า "กระทรวงเวทมนตร์ไม่มีทางรู้หรอกว่าใครบ้างที่หายตัวไป" (...disappeared) เป็น "กระทรวงเวทมนตร์ไม่มีทางรู้หรอกว่าใครบ้างที่ตาย" (...died) แต่ก็อีกนั่นแหละ 'แม้ด-อาย' มู้ดดี้ ไม่ได้ตายซักหน่อย เขาแค่หายตัวไปเท่านั้น ตามที่ UK เวอร์ชั่นกล่าวไว้อย่างถูกต้อง


ในเล่ม 3 ดัมเบิลดอร์เคยบอกว่าเขาเป็นคนให้หลักฐานในตอนที่ซิเรียสถูกสอบสวน แต่ในเล่ม 4 ซิเรียสบอกว่าเขาไม่เคยถูกสอบสวนเลย


ในเล่ม 4 กล่าวว่าในโลกเวทมนตร์มีการห้ามใช้พรมเหาะได้ เพราะว่าพรมเป็นของใช้ทั่วไปของพวกมักเกิ้ล แต่อันที่จริงไม้กวาดก็เป็นไม่ใช่หรือ


ในตอนท้ายของเล่ม 3 รอนได้นกฮูกเป็นของขวัญจากซิเรียส แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ก็อยู่ด้วยในตอนนั้น แต่ในตอนต้นของเล่ม 4 รอนใช้นกฮูกตัวนั้นส่งจดหมายให้แฮร์รี่ แต่แฮร์รี่ทำราวกับว่าเขาไม่เคยเห็นนกตัวนี้มาก่อน
(หมายเหตุ : คุณ Pim Witch แย้งมาว่า แฮร์รี่ไม่ใช่เฮอร์ไมโอนี่ซะหน่อย อาจจะมีการลืมบ้างก็ได้)


'แม้ด-อาย' มู้ดดี้ บอกว่า เจมส์กับลิลี่ พอตเตอร์ถูกฆ่าตายโดยคาถา อาวาดา เคดาฟรา (Avada Kedavra) ซึ่งคนอื่นๆที่ถูกฆ่าโดยคาถานี้ ก็คือจะล้มลงและขาดใจตายไปเลย แต่ในเล่มหนึ่ง เพ็ตทูเนียกล่าวว่าน้องสาวของเธอทำเรื่องจนโดนระเบิดตายไป และแฮกริดก็บอกไว้ในเล่มหนึ่งนี้เช่นกันว่า บ้านของครอบครัวพอตเตอร์ถูกทำลายเกือบหมด ซึ่งถ้าลิลี่ถูกฆ่าตายด้วยคาถา อาวาดา เคดาฟรา เธอก็น่าจะแค่ตายเฉยๆ
(หมายเหตุ : คุณ Pim Witch แย้งมาว่า ยังไงก็น่าจะมีการต่อสู้กันก่อน อาจต่อสู้กันแบบรุนแรงก่อนที่จะใช้คาถานี้ก็ได้)


ในเล่มหนึ่งเมื่อตอนที่ฮอกวอตส์ส่งจดหมายมาให้แฮร์รี่ มีครั้งหนึ่งที่กล่าวว่าจดหมายพุ่งออกมาทางเตาผิง แต่ในเล่ม 4 เมื่อตอนที่ครอบครัววีสลีย์มารับแฮร์รี่ที่บ้านเดอร์สลีย์ พวกเขากลับติดกันอยู่ในเตาผิง ออกมาไม่ได้
(หมายเหตุ : คุณ อภิเดช ชีวะประเสริฐ แย้งมาว่า ครอบครัววีสลีย์ออกมาจากปล่องไฟไม่ได้เพราะตอนเล่ม 1 ที่จดหมายพุ่งออกมาลุงเวอร์นอนได้ปิดทางเข้าปล่องไฟไปแล้ว)


ในหน้า 606 ของ UK เวอร์ชั่น แฮร์รี่อธิบายให้ดัมเบิลดอร์ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่เขากับเซดริก ดิกกอรี่ สัมผัสถ้วยประลองเวทไตรภาคี แฮร์รี่บอกว่าร่างเงาของพ่อของเขาเป็นคนบอกให้เขาทำอะไรบ้าง แต่ในหน้า 579 นั้นเป็นแม่ของเขาต่างหากที่เป็นคนบอกให้เขาทำอะไร
(หมายเหตุ : ใน US เวอร์ชั่น แฮร์รี่กล่าวว่าแม่ของเขาเป็นคนบอก)


บาร์ตี้ เคร้าช์ พูดหลังจากที่กินสัจจะเซรุ่ม เข้าไปว่า เขาสลับตัวกับแม่ของเขาที่กำลังจะตาย ในการหลบหนีออกจากคุกอัซคาบัน เขากล่าวว่าผู้คุมวิญญาณนั้นตาบอด แต่สามารถรับรู้ได้ว่ามีคนแข็งแรงปกติดีหนึ่งคน และคนที่ใกล้จะตายอีกหนึ่งคน (นายและนาง เคร้าช์) เข้าไปในอัซคาบัน และรับรู้ว่ามีคนแข็งแรงปกติหนึ่งคน และคนที่ใกล้จะตายอีกหนึ่งคนกลับออกมาจากคุก แล้ว บาร์ตี้ เคร้าช์ ทำได้ยังไงในการเป็นคนที่ใกล้จะตาย
(หมายเหตุ : คุณ ryzder แย้งมาว่า ตอนเขาเล่าเขาบอกว่าเขากำลังป่วยหนัก ดังนั้นอาจทำให้ผู้คุมคิดว่าเขามีสภาพ แบบคนที่ใกล้จะตายก็ได้)


ในบทที่สอง แฮร์รี่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพร้อมกับอาการเจ็บแผลเป็นที่หน้าผากของเขา ในวันเดียวกันนั้นแฮร์รี่ก็ได้รับจดหมายจากรอนซึ่งเขียนมาบอกเขาว่า จะมารับแฮร์รี่ในวันอาทิตย์ตอน 5 โมงเย็น แฮร์รี่จึงเขียนตอบกลับไปว่า "เจอกันวันพรุ่งนี้" แสดงว่าเขาเจ็บแผลในวันเสาร์ แต่ต่อมาเขาบอกกับรอนและเฮอร์ไมโอนี่ที่บ้านโพรงกระต่ายว่าเขาตื่นขึ้นมาในเช้าวันอาทิตย์ พร้อมกับอาการดังกล่าว ซึ่งจริงๆแล้วมันต้องเป็นเช้าวันเสาร์ต่างหาก


นายวีสลีย์บอกว่ากุญแจนำทาง คือวัตถุที่สามารถขนส่งพ่อมดแม่มดจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ณ เวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า แต่กับถ้วยชนะเลิศประลองเวทไตรภาคี (ซึ่งถูกทำให้กลายเป็นกุญแจนำทาง) กลับขนส่งใครก็ตามที่มาสัมผัสได้โดยที่ไม่ได้กำหนดเวลาไว้ก่อน


เนื่องจากแฮร์รี่เกิดในปี 1980 ดังนั้นในเล่มนี้ก็ต้องเป็นปี1994 แต่ในตอนต้นของเล่มนี้ กล่าวว่าดัดลีย์ขว้างเครื่อง Playstation ทิ้งออกไปทางหน้าต่าง ซึ่งจริงๆแล้วในปี 1994 ยังไม่มีเครื่อง Playstation เลย

เมื่อตอนที่แฮร์รี่อยู่ในห้องน้ำสำหรับพรีเฟ็ค เขาพูดเกี่ยวกับเรื่องการหายใจออกมาต่อหน้าเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ จนทำให้เธอเสียใจเพราะเธอไม่ได้หายใจมานานหลายปีแล้ว หนังสือกล่าวว่าเธอก้มหน้าลงไปบนผ้าเช็ดหน้าแล้วสูดน้ำมูกเสียงดัง การสูดน้ำมูกก็น่าจะเป็นการหายใจอย่างหนึ่งไม่ใช่หรือ


ในหนังสือ UK เวอร์ชั่น หน้า 345 ตอนที่แฮร์รี่พูดถึงเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ หนังสืออธิบายต่อว่าเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญคือผีที่สิงอยู่ที่ห้องน้ำหญิงชั้นสอง ซึ่งจริงๆแล้วต้องเป็นห้องน้ำหญิงชั้นหนึ่ง ตามที่เล่มสอง หน้า 101 ของ UK เวอร์ชั่นเคยกล่าวไว้


ในหนังสือ UK เวอร์ชั่นหน้า 344 เฮอร์ไมโอนี่พูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเพื่อนนักเรียนหญิงที่ชื่อ "Eloise Midgeon" ต่อมาในหน้า 348 มีการพูดถึงเธออีกครั้ง ในคราวนี้ชื่อเธอเขียนเป็น "Eloise Midgen" ซึ่งตัว "O" หายไป
(หมายเหตุ : มีการกล่าวถึงชื่อของ Eloise Midgen ก่อนแล้วในหน้า 173 (UK เวอร์ชั่น) ซึ่งสะกดว่า "Midgen" อันนี้น่าจะเป็นการผิดพลาดในการพิมพ์มากกว่า)


ในตอนที่แฮร์รี่สู้กับโวลเดอมอร์ ร่างเงาของผู้ที่เคยถูกโวลเดอมอร์ฆ่าตายปรากฏออกมาทางปลายไม้กายสิทธิ์ของโวลเดอมอร์ หนึ่งในนั้นก็คือ เซดริก ดิกกอรี่ แต่ในบทก่อนหน้านั้น เป็นปีเตอร์ เพ็ตตริกรูว์ต่างหากที่เป็นคนฆ่าเซดริก ตามคำสั่งของโวลเดอมอร์
(หมายเหตุ : มีแฟนคนอื่นเขียนมาแก้ว่า ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ใช้ไม้กายสิทธิ์ของโวลเดอมอร์ในการฆ่าเซดริก ถ้าลองย้อนกลับไปดูในเล่มสาม ปีเตอร์ไม่ได้มีไม้กายสิทธิ์สำหรับป้องกันตัวเองมาตั้งแต่ตอนที่เผชิญหน้ากับ ซิเรียส, ลูปิน, แฮร์รี่, รอน และเฮอร์ไมโอนี่ ที่เพิงโหยหวน ก็แน่ล่ะ เพราะก่อนหน้านั้นปีเตอร์ปลอมตัวเป็นหนูนี่นา)


ในตอนที่แฮร์รี่สู้กับโวลเดอมอร์ ไม้กายสิทธิ์ของโวลเดอมอร์เกิดการปล่อยคาถาย้อนกลับจากเดิม ทำให้ร่างเงาของผู้ที่เคยถูกเขาฆ่าปรากฏออกมา เจมส์ พอตเตอร์ออกมาก่อนลิลี่ นั่นก็แสดงว่าเจมส์จะต้องถูกฆ่าหลังจากลิลี่ ซึ่งขัดแย้งกับในเล่มสาม ที่แฮร์รี่ได้ยินพ่อของเขาตะโกนบอกลิลี่ว่าจะถ่วงเวลาโวลเดอมอร์ไว้ ให้ลิลี่พาแฮร์รี่หนีไปก่อน แสดงว่าลิลี่ตายหลังเจมส์
(หมายเหตุ : ข้อผิดพลาดนี้ เกิดในหนังสือเวอร์ชั่น UK และเกิดในช่วงการพิมพ์ครั้งแรกๆเท่านั้น)


ในหนังสือเล่มสองของ US เวอร์ชั่น รหัสผ่านทางไปยังห้องของดัมเบิลดอร์คือ "หยดน้ำมะนาว" (Lemon Drop) [ใน UK และไทยเวอร์ชั่นใช้ "ไอศกรีมเชอร์เบ็ทรสมะนาว" (Sherbet Lemon)] แต่ใน US เวอร์ชั่นเล่มสี่นี้ ตอนที่แฮร์รี่ต้องการไปพบดัมเบิลดอร์ แต่ไม่รู้รหัสใหม่ เขาจึงเดารหัสมั่ว โดยในครั้งแรกเขาลองบอกรหัสเก่าดู แต่กลับกลายเป็นว่าเขาใช้คำว่า "ไอศกรีมเชอร์เบ็ทรสมะนาว" (Sherbet Lemon) ตาม UK เวอร์ชั่นแทน แสดงว่าเดิมที่ใช้คำว่า "หยดน้ำมะนาว" (Lemon Drop) นั้น ไม่ได้เอามาจากต้นฉบับของ UK แน่ๆ


ในเล่มสอง กล่าวไว้ว่าเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญสิงอยู่ในโถส้วมที่มีคอห่านเป็นรูปตัว U แต่ในเล่มสี่กลับบอกว่าเธอสิงอยู่ในโถส้วมที่มีคอห่านเป็นรูปตัว S
(หมายเหตุ : ใน US เวอร์ชั่นของเล่มนี้ บอกว่าเป็นคอห่านรูปตัว U)


ในตอนที่แฮร์รี่ไปพักที่บ้านโพรงกระต่ายของครอบครัววีสลีย์ หนังสือกล่าวว่าเขาไม่เคยเห็น ชาร์ลี หรือ บิล มาก่อน แต่จริงๆแล้ว แฮร์รี่เคยเห็นบิลมาก่อนแล้วจากหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในหนังสือเล่มสาม


ในเล่มสองกล่าวไว้ว่า ทอม ริดเดิ้ล เป็นเด็กยากจน แต่ในบทแรกของเล่มสี่กลับบอกว่าครอบครัวริดเดิ้ล เป็นครอบครัวที่ร่ำรวยและมีตระกูล
(หมายเหตุ : จริงๆแล้วโวลเดอมอร์ กับพ่อของเขามีชื่อเดียวกันคือ ทอม ริดเดิ้ล แต่เมื่อพ่อของโวลเดอมอร์รู้ว่าภรรยาของเขาเป็นแม่มด เขาจึงหนีไปอยู่กับพ่อแม่ของเขาซึ่งก็คือตระกูลริดเดิ้ลที่ร่ำรวย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทอม ริดเดิ้ล จูเนียร์ (โวลเดอมอร์) ก็ตามไปฆ่าพวกนั้นทั้งหมด)


ในตอนต้นของบทแรก เราได้รู้ว่า แฟรงค์ ไบรซ์ เป็นคนหูตึง แต่เขากลับแอบฟังบทสนทนาของโวลเดอมอร์ กับหางหนอน (ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์) ได้อย่างชัดเจน
(หมายเหตุ : JK ชี้แจงว่าแฟรงค์ใช้หูข้างที่ดีในการแอบฟัง)